Loading...

อุกกาบาต-ดาวตก คืออะไร อันตรายแค่ไหนต่อมนุษย์ ?

กกาบาตตกในไทย   ข่าวอุ กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างความแตกตื่นและสงสัยให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ที่จู่ ๆ ก็มีคนเห็...


กกาบาตตกในไทย  ข่าวอุกลายเป็นเรื่องราวที่สร้างความแตกตื่นและสงสัยให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ที่จู่ ๆ ก็มีคนเห็นลูกไฟปริศนาและกลุ่มควันขนาดใหญ่บนท้องฟ้า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 กันยายน 2558





ภาพจาก Porjai Jaturongkhakun สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          โดยภายหลังมีนักวิชาการออกมาไขข้อสงสัยตรงกันว่า ลูกไฟดังกล่าวเป็น "อุกกาบาต" มีลักษณะที่ปรากฏโดยเห็นพุ่งเป็นทางยาวและมีความเร็วสูงที่เกิดการลุกไหม้ในบรรยากาศเป็นลูกไฟสว่าง เนื่องจากวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจะมีพลังงานเยอะ ไฟจึงสว่างและเห็นได้ทั่ว มีขนาดเล็กไม่เป็นอันตราย ขณะที่นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย ให้ข้อมูลว่า เป็นปรากฏการณ์ดาวตกประเภท "ดาวตกระเบิด" ซึ่งหลายคนอาจจะอยากรู้ว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวคืออะไร 

          กระปุกดอทคอม จึงรวบรวบรวมข้อมูลจากกรณีดังกล่าวมาฝาก ดังนี้
1. อุกกาบาต ดาวตก ผีพุ่งไต้ คืออะไร ต่างกันอย่างไร ?

          อุกกาบาต เป็นชิ้นวัตถุแข็ง จำพวกหินกับเหล็ก เกิดจากส่วนหนึ่งของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะและบางส่วนเกิดจากเศษที่แตกหักของดาวหาง โดยวัตถุเหล่านี้ตอนอยู่ในอวกาศเรียกว่า สะเก็ดดาว ต่อมาเมื่อโคจรเข้ามาอยู่ในรัศมีแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้มันถูกดึงดูดลงยังพื้นโลกด้วยความเร็วช่วง 19 ถึง 40 กิโลเมตรต่อวินาที จนเกิดการเสียดสีกับบรรยากาศจนร้อนจัดและหลอมตัวเป็นลูกไฟสว่าง แบ่งเป็น 2 แบบ คือ

          - หากสะเก็ดดาวมีขนาดเล็กถูกเผาไหม้หมด เรียกว่า ดาวตก หรือ ผีพุ่งไต้ (meteoroid) 

          ส่วนฝนดาวตก (meteor shower) คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดดาวตกจำนวนมากในอัตราที่ถี่กว่าปกติ เกิดจากโลกโคจรฝ่าเข้าไปในธารอุกกาบาต ซึ่งสะเก็ดดาวเหล่านั้นก็จะตกลงสู่บรรยากาศโลกกลายเป็นดาวตก ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์บนโลกเลย

          - หากสะเก็ดดาวมีชิ้นส่วนที่สลายตัวไม่หมดตกลงมาถึงพื้นโลก เรียกว่า อุกกาบาต (meteorite) แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 3 แบบ คือ

          หิน (Stone)
          เหล็ก (Iron)
          เหล็กปนหิน (Stone-Iron)

2. วิธีสังเกตว่าเป็นอุกกาบาต หรือไม่ ?

          โดยปกติลูกอุกกาบาตจะมีลักษณะแปลกจากก้อนหินก้อนอื่น ๆ ดูจากตาเปล่า คือ

          - มีสีคล้ำไหม้เกรียมหรืออาจพบรอยริ้วเล็ก ๆ บนหน้า 
          - มีน้ำหนักมากผิดปกติ เพราะมีส่วนประกอบของเหล็ก ไม่มีรูพรุน
          - ดึงดูดแม่เหล็ก

3. อุกกาบาตขนาดใหญ่แค่ไหนถึงจะล้างโลกได้ ?

          ขนาดที่เป็นอันตรายถึงขั้นล้างโลกได้ ต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 กิโลเมตรขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่อุกกาบาตที่พบมักจะถูกเผาไหม้จนมีขนาดเล็กหรือสลายไปหมดนั่นเอง

4. ทุกวันนี้มีระบบตรวจจับ หรือไม่ อย่างไร

          หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงคือ National Aeronautics and Space Administration หรือ องค์การนาซา โดยมียานสำรวจอวกาศหรือแผนก NASA Spaceguard Survey คอยเฝ้าระวังและตรวจจับวัตถุขนาดใหญ่ก่อนที่มันจะเข้าใกล้โลก

ขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมดาราศาสตร์ไทย, เว็บสดร.,​ ชุมชนอินดีเพนซิล , เว็บคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ , เว็บวิชาการธรณีไทย  

sourc://http://hilight.kapook.com/view/126103

You Might Also Like

0 comments

Loading...